พลังมหัศจรรย์..อยู่ที่ไหน?...ใครจะตามหา?......มันอยู่ในตัวคุณ เพียงแต่คุณค้นหามันให้เจอ…มีอีกหลายคนที่ยังเที่ยวค้นหาความสำเร็จจากที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นหนังสือดีๆ อาจารย์ดีๆ ต่างก็มุ่งค้นหามันเพื่อความสำเร็จ ในก้าวหนึ่งที่มุ่งหมาย ภายในกรอบรอบรั้ว ธ.ก.ส. ก็ไม่ต่างอะไรที่พนักงานอยากจะค้นหามัน เพื่อที่จะให้เกิดความก้าวหน้า ความมั่นคง... พลังที่ว่านี้ไม่ได้อยู่ไกลแสนไกล หากมีอยู่ในตัวทุกคนอย่างเต็มเปรี่ยม ซึ่งเราจะค้นพบมันเจอได้อย่างไร พลังแห่งความสำเร็จ อยู่ในตัวตนของทุกๆคนอยู่แล้ว เพียงแต่เราจะกำหนดว่าเราอยากจะเป็นอะไร ถ้าเรามองย้อนหลังกลับไปในอดีตที่ผ่านมา ทุกๆความล้มเหลวของเรา มักเกิดขึ้นเพราะเราเองเป็นผู้กระทำและตัดสินใจเองทั้งสิ้น ส่วนความสำเร็จที่ผ่านมาล้วนแล้วเกิดจากแรงศรัทธาที่เป็นพลังแฝงอยู่ในตัวเราทั้งสิ้น หากทุกคนมีความคิด ความศรัทธา ที่เกิดขึ้นเป็นแรงบันดาลใจมุ่งเข้าสู่จุดหมายที่ต้องการ ทุกคนจะพบว่าตัวเราเองนี่แหละที่ส่งพลังสู่ความสำเร็จด้วยตัวเราเองโดยแท้ ถ้าเราเพียงคิดว่าเราทำได้เราก็จะเกิดพลังอย่างที่เราคิด ออกมาสั่งให้เราเองปฏิบัติ การปฏิบัติไปพร้อมกับความมุ่งมั่น ก็จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จ แต่ถ้าเราคิดว่าเราทำไม่ได้ เราก็จะเกิดความท้อแท้ ความท้อแท้ก็จะส่งผลให้ไม่สำเร็จอย่างที่ใจเราคิดนั่นเอง จากการศึกษาคนที่ประสบความสำเร็จล้วนพบว่าทุกคนต่างมีศรัทธาในตนเอง เชื่อมั่นในตนเอง คิดว่าตนเองทำได้ ดังนั้นถ้าหากเราอยากจะประสบความสำเร็จ ก็ควรต้องมีศรัทธาในตนเองซึ่งเป็นพลังมหัศจรรย์ ที่เราจะต้องฝึกสร้างพลังดังกล่าวนี้อย่างสม่ำเสมอ พลังศรัทธาของตัวเราจะแข็งแกร่ง ขึ้นทุกวัน และนำพาเราไปสู่ความก้าวหน้าความสุขในการทำงานและมีคนรอบข้างคอยเป็นส่วนที่ช่วยเสริมพลังให้กับเราตลอดเวลาการสร้างพลัง ความมหัศจรรย์เปล่งประกายให้กับตัวเราเอง1.เรียนรู้ตนเอง สำรวจตัวเองว่ามีข้อดี ข้อด้วย ข้อเด่น อะไรบ้าง ถ้าพบข้อด้อยที่แก้ไขได้ก็ให้พยายามแก้ไข และเราจะต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ทุกคนต่างมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบทั้งหมด ดังนั้นแล้วเราจะต้องพึงพอใจในสิ่งที่ตัวเราเองเป็น2.พึ่งตนเอง ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเราได้ตลอดไป เราจะต้องรู้จักช่วยตัวเอง ดังสุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า “อย่ายืมจมูกของผู้อื่นมาหายใจ” หมายความถึง การทำงานด้วยตนเองก่อนที่จะเรียกร้องให้คนอื่นมาช่วยเราซึ่งถือเป็นการพัฒนาความสามารถของเราเองด้วย เราต้องพยายามทำด้วยตัวเองอย่างสุดความสามารถ และเมื่อเราทำได้แล้วเราก็จะยิ่งภูมิใจในความสามารถของตัวเองมากยิงขึ้นด้วย เรื่องนี้ต้องระมัดระวังความต่างเกี่ยวกับ Competency ให้ดีเพราะมีความหมายตรงกันข้ามกันคือไม่ต้องลงมือเอง แต่ให้ผู้อื่นกระทำให้จนประสบความสำเร็จ3.ศรัทธาตนเอง อย่าดูถูกตนเอง... ศรัทธาในความสามารถของตัวเอง...จงเชื่อมั่นในตัวเอง ความสำเร็จอยู่ที่ความคิดของตนเอง ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ความสุข ทุกอย่างล้วนแล้วอยู่ที่ใจเราเองทั้งสิ้น ถ้าเราคิดว่าเราทุกข์เราก็จะทุกข์ แต่ถ้าเราคิดว่าเรามีความสุขเราก็จะมีความสุข ซึ่งตรงกับหัวใจพระพุทธศาสนาว่า “จงทำจิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ” ดังนั้นแล้ว เราจึงจำเป็นต้องศรัทธาตนเอง คิดหรือนึกอย่างไร ก็จะเกิดพลังนำพาไปถึงสิ่งเหล่านั้น เมื่อนึกถึงความสำเร็จ ท่านก็จะมีพลังนำพาไปสู่ความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์4.ขจัดความกลัว การขจัดความกลัวซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญของความสำเร็จออกไปจากความนึกคิดของเรา เมื่อเรากลัว เราก็จะไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรเลย เพราะกลัวจะทำผิด กลัวจะล้มเหลว กลัวจะผิดพลาด กลัวไปหมดทุกอย่าง เราต้องคิดถึงหลักความเป็นจริงว่า ถ้าไม่ลงมือทำแล้วจะประสบความสำเร็จอย่างไร การลงมือทำอาจเกิดความผิดพลาดบ้าง แต่ก็จะเป็นประสบการณ์ตรงให้ได้แก้ไขและพัฒนาต่อไป ผู้ที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ ล้วนแล้วผ่านความล้มเหลวมาก่อนทั้งสิ้น เราจึงต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง มุ่งมั่น จงอย่ากลัวในสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น5.อยู่กับปัจจุบัน หลายคนที่ยังไม่ประสบผลสำเร็จในชีวิตมักคิดไปถึงเรื่องอดีต เรื่องอนาคต โดยไม่เคยคิดถึงสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันเลย การคิดแบบนี้จะทำให้เกิดความรู้สึก ห่วงหน้าพะวงหลัง สิ่งที่กำลังทำอยู่ก็จะออกมาได้ไม่ดียิ่งถ้าเรากำลังคิดว่าอนาคตข้างหน้าเราจะยืนอยู่ในขั้นที่สูงๆของความก้าวหน้า ก็จะพบว่า เราเองยังยืนอยู่ ณ บันไดขั้นแรกเสมอ ดังนั้นแล้วเราจึงควรคิดถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน เอาใจใส่ ใจจดใจจ่อกับสิ่งที่ทำ แล้วผลงานที่ออกมาก็จะเป็นที่น่าพอใจสำหรับเราเองและผู้อื่น เพราะเราได้ใส่ใจทำอย่างเต็มที่6. คิดเชิงบวก การคิดเชิงบวกเป็นทำให้ใจของเรามีพลังคิดถึงสิ่งที่จะทำ ได้อย่างมีความสุข โดยผสมผสานทั้งคน อุปกรณ์ เครื่องมือ แผนงาน วิธีการ ให้สอดคล้องกันอย่างลงตัวอย่างไม่มีอุปสรรค์ใดๆขัดขวาง หากใจเป็นสุขก็จะมีกำลังใจ มีพลังต่อสู้กับงาน ถ้าคิดถึงแต่เรื่องร้ายๆว่ามันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ก็จะท้อแท้หมดพลัง ซึ่งเป็นอุปสรรคในการประสบความสำเร็จได้ จีงต้องคิดถึงแต่สิ่งดีดีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เหตุการณ์ยังไม่เกิดอย่าได้นำมาเป็นเรื่องกังวลใจ7.บ่มเพาะนิสัยดีดีให้กับตนเอง เป็นเรื่องที่หลาย คนลืมเข้าถึงว่าการสอนหรือบ่มเพาะใครสักคนหนึ่งให้ได้ดีในความหมายของเรานั้นคือ การสอนใจตนเอง ดังนั้น เราจึงต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้มีจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่ท้อต่ออุปสรรคขวากหนาม มีความอดทน มีความเพียรพยายาม มีความกล้าหาญ ไม่ขลาดกลัว มันอยู่ที่วิธีการคิดของเราทั้งหมดคนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ จึงไม่ใช่คนที่เรียนเก่ง หรือคนขยันอ่านหนังสือเพื่อสอบผ่านไปในตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่อยู่ที่ความเชื่อมั่น ศรัทธาในตัวเราเองมากกว่า ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้ ถ้าเราเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเราเอง คนรอบข้างก็จะหันมาเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเราเช่นกัน ความคิด ความเชื่อ และความศรัทธา คือ “พลังมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ในตัวเราเอง”ที่เราจะค้นหามันออกมาเพื่อเปล่งประกาย ส่งเสริมให้เราและคนรอบข้างได้ประสบความสำเร็จและเป็นแบบอย่างพร้อมทั้งเปลี่ยนผ่านไปยังคน รุ่นต่อๆไป“เราเชื่อและศรัทธา ว่าทุกท่านที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ในไม่ช้าท่านจะเป็นผู้ที่เห็นพลังในตัวตนของท่านเอง” ดังที่เราได้พบพลังมหัศจรรย์ด้วยตัวของเราเอง ...ด้วยความปรารถดีและเคารพในพลัง..มหัศจรรย์“วังค้างคาว” 20/04/2555
วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555
The power of BAAC
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น